การสำรวจอวกาศ
ดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ทำให้มนุษย์หลงใหลมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
จนถึงศตวรรษที่ 20 จึงมีการสำรวจอวกาศ
ในทศวรรษที่ผ่านมาเราได้ส่งนักบินอวกาศไปยังดวงจันทร์ ส่งยานอวกาศหุ่นยนต์ไปถึงด้านนอกระบบสุริยะและใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่เพื่อสำรวจความกว้างใหญ่ของจักรวาล
การสำรวจดาวเคราะห์
ดาวเคราะห์อยู่ไกลเกินไปที่จะเป็นภารกิจของมนุษย์ ดังนั้น ยานอวกาศหุ่นยนต์จึงถูกส่งไปแทน
ยานอวกาศลำแรกที่ไปเยือนดาวเคราะห์ดวงอื่น คือ ยานมาริเนอร์ 2 (Mariner
2) ของสหรัฐ ซึ่งบินผ่านดาวศุกร์ในปี ค.ศ. 1962 (พ.ศ. 2505)
ตั้งแต่นั้นมา แม้จะมีความล้มเหลวมากมายในยุคแรก ยานอวกาศหลายร้อยลำก็เดินทางไปเยือนดาวเคราะห์ของระบบสุริยะ
ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์น้อย และดาวหาง ยานอวกาศส่วนใหญ่
จะบินผ่านหรือไม่ก็โคจรรอบเป้าหมาย
แต่บางลำยังส่งมนุษย์อวกาศลงไปสัมผัสพื้นผิวของดาวเคราะห์นั้นด้วย
หุ่นยนต์สำรวจ
ยานอวกาศหุ่นยนต์สามารถไปเยือนสถานที่ที่อยู่ไกลหรือเป็นอันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์
ยานอวกาศซึ่งถูกส่งไปสู่อวกาศโดยจรวด จะเดินทางได้เป็นระยะทางอันกว้างใหญ่ทั่วอวกาศและอาจใช้เวลาหลายปีในการเดินทางไปถึงเป้าหมายา
มียานอวกาศหลายประเภท แต่ละประเภทก็เหมาะสมกับภารกิจโดยเฉพาะ
ยานบินผ่าน
ยานอวกาศบางลำสังเกตเป้าหมายแล้วก็บินผ่านไป
ยานวอยเอจเจอร์ 1 และวอยเอจเจอร์ 2
อันมีชื่อเสียงขององค์การนาซา บินผ่านดาวเคราะห์มากมายหลายดวง
ยานโคจร
ยานโคจรบินรอบเคราะห์ครั้งแล้วครั้งเล่า
จึงมีเวลาศึกษาเป้าหมายมากมาย ยานโคจรหลายลำ
ได้ไปเยือนดวงจันทร์และดาวเคราะห์ทั้งหมดยกเว้นดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน
การสังเกตท้องฟ้า
เป็นเวลาหลายศตวรรษที่นักดาราศาสตร์ได้สังเกตท้องฟ้าด้วยตาเปล่าหรือใช้กล้องโทรทรรศน์ที่ขยายทัศนวิสัย
แบบง่าย ๆ แต่แสงที่อยู่ในทัศนวิสัยที่เรามองเห็นได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของคลื่นขนาดใหญ่มากของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่เดินทางจากอวกาศมาถึงโลก
ดาวฤกษ์และวัตถุอื่น ๆ นอกจากนี้ยังปล่อยคลื่นวิทยุที่มองไม่เห็น เช่น รังสีเอกซ์
รังสีอินฟราเรดและรังสีอัลตราไวโอเลต กล้องโทรทรรศน์สมัยใหม่สามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดและรังสีแต่ละชนิดก็เผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างกัน
|
การจับแสง
กล้องโทรทรรศน์มีรูปแบบและการออกแบบที่แตกต่างกันมากมาย
แต่โดยทั่วไปแล้ว กล้องโทรทรรศน์ทั้งหมดทำในสิ่งเดียวกัน คือ
เก็บรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าจากอวกาศและปรับรังสีนั้นให้เป็นรูปภาพ ชั้นบรรยากาศของโลกสามารถป้องกันหรือทำภาพนั้นให้เลือนลางได้ ดังนั้น กล้องโทรทรรศน์บางส่วนจึงถูกติดตั้งอยู่บนยอดเขาสูงหรือแม้กระทั่งถูกส่งไปสู่อวกาศ
|
||||
1. กล้องโทรทรรศน์วิทยุ
แผ่นจานโค้งขนาดใหญ่ จะถูกใช้รวมคลื่นวิทยุที่ได้จากแหล่งกำเนิดต่าง
ๆ เช่น แกแลกซี พัลซาร์ (pulsars - ดาวนิวตรอนที่หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงมาก
และแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาเป็นจังหวะ
คาบการหมุนที่สังเกตได้อยู่ระหว่าง 1.4 มิลลิวินาที ถึง 8.5 วินาที ) และหลุมดำ
|
2. กล้องโทรทรรศน์อินฟราเรด
เครื่องมือเหล่านี้ ซึ่งบางส่วนได้ถูกส่งเข้าไปในอวกาศ ตรวจสอบความร้อนจากวัตถุ
เช่น กลุ่มควันก๊าซและฝุ่นละออง
|
3. กล้องโทรทรรศน์ที่ทำงานในย่านความถี่ที่ตามองเห็น
(Optical telescope)
กล้องโทรทรรศน์ชนิดนี้ใช้เลนส์หรือกระจกขนาดใหญ่ รวบรวมแสงที่มองเห็นจาง
ๆ และสามารถมองเห็นได้ไกลเกินกว่าสายตามนุษย์จะมองเห็น
|
4. กล้องโทรทรรศน์รังสีอัลตราไวโอเลต
นักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์รังสีอัลตราไวโอเลตในการตรวจสอบรังสีจากดวงอาทิตย์
ดาวฤกษ์และกาแลกซี
|
5. กล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์
กล้องโทรทรรศน์เหล่านี้จับรังสีพลังงานสูงจากวัตถุที่ร้อนมาก
กล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์ใช้งานในอวกาศเท่านั้น
|
การทำแผนที่ดาว
เนื่องจากโลกถูกล้อมรอบด้วยอวกาศ ในขณะที่เรามองดู ท้องฟ้ายามค่ำคืน
มันจึงดูเหมือนกับว่าดาวทั้งหมดจะถูกตรึงอยู่กับที่อยู่ภายในรูปทรงกลมยักษ์
นักดาราศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “ทรงกลมฟ้า” (the celestial
sphere) และใช้ในการทำแผนที่ตำแหน่งของดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ เส้นแนวตั้งและแนวนอนจะใช้ในการแบ่งทรงกลมฟ้าภายในตารางเช่นเดียวกับตารางของเส้นลองจิจูดและเส้นละติจูดที่ใช้ในการทำแผนที่พื้นผิวโลก
|
|
การปล่อยยาน
อวกาศอยู่เหนือพื้นโลกเพียง
60 ไมล์ (100 กิโลเมตร) เท่านั้น และจรวดเดินทางไปถึง โดยใช้เวลาน้อยกว่า 10
นาที แม้ว่าจะใช้เวลาระยะสั้น ก็ใช้พลังมหาศาลในการปล่อยจรวดออกจากแรงโน้มถ่วงของโลก
ยานอวกาศถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้นและน้ำหนักส่วนใหญ่จะเป็นเชื้อเพลิง
|
|
จรวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แซทเทิร์น
5 (Saturn V) ซึ่งส่งนักบินอวกาศไปยังดวงจันทร์ เป็นจรวดที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างมา
จรวด N1 ของโซเวียตที่เป็นคู่แข่ง ถูกปล่อยออกไป 4 ครั้ง
แต่ละครั้ง ไม่ประสบผลสำเร็จ
|
สถานที่ปล่อยยาน
หลายประเทศมีสถานที่ปล่อยยานอวกาศ สถานที่ที่อยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร
สามารถปล่อยยานหนัก ๆ ได้ เนื่องจากสถานที่นั่น
จรวดจะได้รับการสนับสนุนความเร็วจากการหมุนของโลก
|
ภารกิจระบบสุริยะ
ในน้อยกว่า 50 ปี ยานอวกาศประมาณ 200
ลำ ได้ออกจากวงโคจรของโลกและมุ่งหน้าออกไปสำรวจระบบสุริยะ
ภารกิจมากกว่าครึ่งหนึ่ง ได้เดินทางไปยังเพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดของโลกในอวกาศ
คือ ดวงจันทร์และดาวเคราะห์ คือ ดาวอังคารและดาวศุกร์
|
||
แผนภูมินี้แสดงจำนวนภารกิจในการเดินทางไปสู่ดาวเคราะห์หลักในระบบสุริยะ
|
||
ยานอวกาศไพโอเนียร์
ยานไพโอเนียร์ 10
และ 11 บินผ่านดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ขณะนี้
กำลังมุ่งหน้าออกจากระบบสุริยะเข้าไปในอวกาศลึก
|
||
ยานสำรวจชั้นบรรยากาศ
ยานประเภทนี้จะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์
ยานสำรวจกาลิเลโอ ดิ่งเข้าไปสู่ชั้นบรรยากาศของดาวพฤหัสบดีซึ่งมีพายุรุนแรง ในปี
ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)
|
||
ยานที่ลงจอดบนดาวเคราะห์และดวงจันทร์
ยานอากาศบางลำสามารถสัมผัสลงบนพื้นผิวของโลกอื่นได้
ในปี ค.ศ. 1976 (พ.ศ. 2519) ยานไวกิ้ง 1 (Viking 1)
เป็นยานอวกาศลำแรกที่ลงจอดบนดาวอังคารได้สำเร็จ
|
||
ยานที่ใช้หุ่นยนต์บังคับ (ROVER)
ยานโรเวอร์ คือ
ยานอวกาศที่บังคับด้วยหุ่นยนต์ ที่มีล้อขับไปรอบ ๆ ได้
ยานโรเวอร์ที่ถูกส่งไปยังดาวอังคารได้ศึกษาหินที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีสิ่งมีชีวิตในสมัยโบราณ
|
||
ยานที่มีเครื่องเจาะ (Penetrator)
ยาน
Penetrator
ถูกออกแบบมาเพื่อพุ่งชนกลุ่มเป้าหมายด้วยความเร็วสูงและฝังตัวเองลงไป
ในปี ค.ศ. 2005 (พ.ศ. 2548)
ผลในเชิงลึกได้เจาะพื้นผิวของดาวหาง
|
||
ยานอวกาศวอยเอเจอร์
2 เดินทางจากโลกไปถึงดาวเนปจูน ใช้เวลา 12 ปี กับ 43
วัน
|
ดาวเทียม
ดาวเทียมปฏิบัติการ ประมาณ 1,000
ลำ โคจรอยู่รอบโลก ปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เช่น การส่งสัญญาณโทรทัศน์ไปทั่วโลก การรวบรวมข้อมูลสำหรับการพยากรณ์อากาศและการสอดแนมทางทหาร
ขยะอวกาศมากกว่าหลายพันชิ้น คือ ดาวเทียมเก่า ชิ้นส่วนจรวดที่ถูกทิ้งไว้และเศษซากจากการชนกันของดาวเคราะห์และดาวฤกษ์
ยังยังวนเวียนอยู่รอบโลกของเรา กลุ่มหมอกควันของขยะอวกาศที่เพิ่มขึ้นจะเป็นอันตรายต่อยานอวกาศ
|
วงโคจรของดาวเทียม
ดาวเทียมบางลำ อยู่เหนือพื้นโลก ไม่กี่ร้อยไมล์ แต่ดาวเทียมลำอื่น
ๆ อยู่ไกลออกไปจากโลกมาก บางลำที่อยู่สูงที่สุด เช่น ดาวเทียมตรวจสภาพอากาศ ดาวเทียมส่งสัญญาณทีวีและดาวเทียมโทรศัพท์มีวงโคจรค้างฟ้า
ซึ่งหมายความว่า ดาวเทียมเหล่านั้นอยู่ในช่วงจุดคงที่เหนือโลก
ดาวเทียมที่มีวงโคจรต่ำ จะเปลี่ยนตำแหน่งอยู่ตลอดเวลา
|
|
|
สถานีอวกาศ
สถานีอวกาศ คือ ดาวเทียมที่มีลูกเรือ
เป็นชนิดห้องปฏิบัติการโคจร ซึ่งนักบินอวกาศและนักวิทยาศาสตร์อาศัยและทำงาน
สหภาพโซเวียตได้เปิดตัวสถานีอวกาศแห่งแรก ชื่อ ซัลยุต 1 (Salyut 1) ในปี ค.ศ. 1971 (พ.ศ. 2514)
ในไม่ช้า สหรัฐฯ ก็สร้างสกายแล็ป (Skylab) ตามมา ในปี 1973 (พ.ศ. 2516)
สถานีอวกาศเมียร์ของรัสเซีย ใช้งานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986-2001 (พ.ศ. 2529-2544)
เป็นสถานีอวกาศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด จนกระทั่งสหรัฐอเมริกา
รัสเซียและประเทศอื่น ๆ มากกว่า 10 ประเทศ
ได้ร่วมกำลังกันสร้างสถานีอวกาศนานาชาติในวงโคจรตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541)
สถานอวกาศแห่งแรกของจีน คือ เทียนกง-1 (Tiangong-1) ได้เปิดตัวในปี ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554)
|
|
ผลกระทบต่อร่างกาย
เมื่อร่างกายมนุษย์อยู่ในอวกาศเป็นเวลานาน จะมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อไม่มีแรงโน้มถ่วงดึงกระดูกสันหลัง ร่างกายจะสูงขึ้นประมาณ 2 นิ้ว (5 ซม.) เมื่ออยู่บนโลก
ของเหลวในร่างกายจะไหลลง อยู่ในอวกาศจะไหลขึ้นศีรษะ ข้อนี้จะทำให้นักบินอวกาศใบหน้าบวมและจมูกถูกปิดกั้น
ทำให้การทำอาหารดูเหมือนจะไร้รสชาติ เมื่อนักบินอวกาศกลับมาสู่โลก การกลับมาสู่แรงโน้มถ่วงอย่างสมบูรณ์
จะทำให้พวกเขารู้สึกอ่อนแอมาก
|
|
การใช้ชีวิตในอวกาศ
นักบินอวกาศจะต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีแรงโน้มถ่วงเป็นศูนย์
ขณะใช้ชีวิตอยู่ในอวกาศ แม้ว่าการลอยตัวอย่างไร้น้ำหนักจะเป็นเรื่องน่าสนุก แต่ก็ยังสามารถก่อให้เกิดปัญหาทางการแพทย์ได้
สถานีอวกาศเป็นสถานที่คับแคบมีความหรูหราเล็กน้อย นักบินอวกาศรับประทานอาหารสำเร็จรูปที่มีทั้งแช่แข็งและแห้งหรือที่เก็บไว้ในกระเป๋า
น้ำทั้งหมดจะถูกนำกลับมาใช้ รวมทั้งไอน้ำจากลมหายใจมนุษย์
นักบินอวกาศทำความสะอาดตัวเองด้วยแชมพูและสบู่พิเศษที่ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำและพวกเขาใช้ห้องน้ำอวกาศที่ดูดของเสียออกมากกว่าการล้างด้วยน้ำ
|
No comments:
Post a Comment