ดาวเคราะห์ชั้นใน (Inner planets)

ดาวเคราะห์ชั้นใน (Inner planets)
ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลกและดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์ชั้นในของระบบสุริยะ

        ดาวเคราะห์ชั้นในทั้งหมดเกิดขึ้นจากวัตถุเดียวกันประมาณ 4.6  พันล้านปีที่ผ่านมา ทั้งหมดมีส่วนผสมของหินและโลหะที่มีส่วนประกอบภายในแบ่งออกเป็นชั้นอย่างคร่าว ๆ

        ตรงใจกลางมีโลหะแน่นหนามาก ในขณะที่ด้านนอกมีโลหะเบาบาง  ดาวเคราะห์เหล่านี้แต่ละดวงถูกดาวเคราะห์น้อยและดาวหางจำนวนมากวิ่งชนอย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่าในยุคแรกของประวัติศาสตร์ของระบบสุริยะ และได้รับผลกระทบจากการระเบิดของภูเขาไฟด้วย ดาวพุธยังมีรอยของการวิ่งชนในยุคแรก ส่วนดาวเคราะห์อีกสามดวงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ดาวเคราะห์ชั้นใน


Hot Spot



ปรากฏการณ์เรือนกระจก

ในแสงสว่างจ้าของดวงอาทิตย์
ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดของระบบสุริยะและอยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์มากที่สุด เป็นโลกที่ไร้ชีวิตชีวา แทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ภายใน 3 พันล้านปีที่ผ่านมา พื้นผิวทั้งหมดของดาวพุธ เป็นหลุมอุกกาบาตที่เกิดขึ้นเมื่อดาวเคราะห์น้อยชน ในขณะที่ก่อตัวขึ้นใหม่ ๆ หลุมอุกกาบาตมีตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดเท่ากับจานชาม จนถึงขนาดใหญ่ ชื่อ แอ่งคาลอรีส (Caloris Basin) กว้างเกือบเศษหนึ่งส่วนสามของดาวพุธ

ดาวพุธโคจรรอบดวงอาทิตย์รวดเร็วกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ แต่จะหมุนช้า เนื่องจากการโคจรทุก ๆ สองครั้ง มันหมุนรอบตัวเองเพียงแค่สามครั้ง ดังนั้น หนึ่งวันบนดาวพุธ (ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก) จะใช้เวลา 176 วันบนโลก กลางวันและกลางคืนที่ยาวนานเช่นนั้น กอปรกับมีบรรยากาศที่เบาบางมาก ทำให้ดาวพุธมีอุณหภูมิที่สูงมากกว่าดาวเคราะห์ทุกดวง เวลากลางวัน พื้นผิวร้อนจนสามารถจะหลอมตะกั่วได้ ในเวลากลางคืนเย็นจนสามารถทำอากาศให้เป็นของเหลวได้
จุดร้อน (จุดที่น่าสนใจ – Hot Spots)
สีบนแผนที่ความร้อนของดาวพุธนี้แสดงอุณหภูมิพื้นผิวของดาวพุธ พื้นที่สีแดงซึ่งอยู่บนเส้นศูนย์สูตร หันหน้าไปทางดวงอาทิตย์และร้อนแรงที่สุด พื้นที่ถัดมา อบอุ่นที่สุดคือพื้นที่สีเหลือง และสีเขียว บริเวณขั้วแม่เหล็ก (สีฟ้า) เย็นที่สุด
ภูมิประเทศที่เป็นลาวา
บางที ดาวศุกร์ พูดกันว่า เป็นคู่แฝดของโลก เพราะมีขนาดเกือบเท่ากับโลกของเราและมีโครงสร้างภายในที่คล้ายกัน แต่ทั้งสองก็แตกต่างกันมาก นักบินอวกาศคนใดก็ตาม ที่พยายามจะเดินบนดาวศุกร์จะถูกฆ่าตายในไม่กี่วินาที พื้นผิวร้อนพอ ๆ กับภายในเตาอบพิซซ่าและความดันอากาศมีถึง 90 เท่าของโลก

พื้นผิวอันร้ายแรงของดาวศุกร์จะถูกกลุ่มเมฆหนาแน่นบดบังไม่ให้พวกเรามองเห็น แต่ยานอวกาศที่โคจรรอบดาวศุกร์ใช้เรดาร์มองผ่านความมืดมนและลงไปถ่ายภาพ ดาวศุกร์เป็นโลกแห่งภูเขาไฟ มีหลายลูกที่คิดกันว่ายังปะทุอยู่ พื้นผิวก็กระจุยกระจายจากก้อนหินที่แตกกระจายจากลาวาที่หนาแน่น ดาวศุกร์มืดครื้มอยู่ตลอดเวลา มีแสงสีเหลืองซีดผ่านออกมาทางกลุ่มก้อนเมฆ ดาวศุกร์หมุนช้ากว่าดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ  มันหมุนในทิศทางตรงกันข้ามกับดาวเคราะห์ดวงอื่น (คือหมุนตามเข็มนาฬิกา) ยกเว้นดาวมฤตยูหรือดาวยูเรนัส

ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse effect)

ดาวศุกร์ร้อนเพราะกระบวนการที่เรียกว่าภาวะเรือนกระจกความร้อนของดวงอาทิตย์ผ่านชั้นบรรยากาศและพื้นดินอันอบอุ่น ซึ่งจะปล่อยความอบอุ่นครั้งแล้วครั้งเล่า ความอบอุ่นความอบอุ่นที่ถูกปล่อยออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าจะขังอยู่ในชั้นบรรยากาศ (คล้ายกับโลกในปัจจุบัน) คล้ายกับความร้อนที่ขังอยู่ในเรือนกระจก (หรืออยู่ในรถยนต์)
ข้อมูลโดยรวมของดาวพุธ
เส้นผ่าศูนย์กลาง ..................... 3,032 ไมล์ (4,879 กิโลเมตร)
อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ย ...................333 °F (167 °C)
หมุนรอบแกนหนึ่งรอบ ................58.6 วันโลก
โคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ ......... 88 วันโลก

จำนวนดวงจันทร์ .............................0

ข้อมูลโดยรวมของดาวศุกร์
เส้นผ่าศูนย์กลาง .....................7,521 ไมล์ (12,104 กิโลเมตร)
อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ย........................... 867 °F (464 °C)
หมุนรอบแกนหนึ่งรอบ ........................ 243 วันโลก
โคจรรองดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ ............... 224.7 วันโลก
จำนวนดวงจันทร์ ............................... 0

ดาวเคราะห์ชั้นใน



โลกเอียง


ลุ่มแม่น้ำที่มีน้ำท่วมถึงอันเต็มไปด้วยหิน

โลกที่เราอาศัยอยู่
โลกอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 3  เป็นดาวเคราะห์ชั้นในที่ใหญ่ที่สุด เป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวที่มีน้ำไหลไปมาบนพื้นผิว และเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวในจักรวาล ที่เรารู้จักกันว่ามีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่

พื้นผิวโลกประกอบไปด้วยมหาสมุทรกว้างใหญ่ (ร้อยละ 71) ทวีปภาคพื้นดินและขั้วโลกที่เป็นน้ำแข็ง 2 ขั้ว สิ่งทั้งหมดนั้นรองรับด้วยเปลือกโลกที่เป็นหินบาง ๆ เปลือกโลกแบ่งออกเป็นส่วนขนาดใหญ่ 7  ส่วนและขนาดเล็กอีกหลายส่วน แผ่นหินขนาดใหญ่เหล่านี้ เรียกว่า แผ่นเปลือกโลก เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ เหนือพื้นผิวโลก เพราะแรงดันของหินที่ร้อนนุ่มที่อยู่ใต้พื้นผิวโลกเป็นส่วนมาก ในขณะที่แผ่นเปลือกโลกขยับเขยื้อน จะชนกระแทกกันและบดขยี้กัน ในอดีตที่ผ่านมา ก่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ผลักดันขึ้นเป็นเทือกเขา ปล่อยแรงปะทุของภูเขาไฟและก่อให้เกิดแผ่นดินไหว พลังที่ทรงประสิทธิภาพเหล่านี้ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการกระทำของลมและน้ำ ตลอดจนการกระทำของมนุษย์ 7 พันล้านคนที่อาศัยอยู่ในโลก

โลกเอียง
โลกหมุนรอบตัวเองวันละหนึ่งรอบ  แต่ก็ไม่ได้เที่ยงตรงอย่างสมบูรณ์แบบ  แกน คือ เส้นสมมุติจากขั้วหนึ่งไปยังอีกขั้วหนึ่ง ที่ตัวมันหมุนรอบ เอียง 23.5° ดังนั้น ในขณะที่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ซีกโลกหนึ่ง จะเอียงไปทางดวงอาทิตย์ นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดฤดูกาล

ดาวเคราะห์สีแดง
ดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กที่สุด เป็นอันดับสองในระบบสุริยะ มีขนาดครึ่งหนึ่งของโลก บางครั้ง เรียกว่าดาวเคราะห์สีแดง เพราะสีสนิมของมัน  หุบเขากว้างใหญ่เรียกว่า  มาริเนริส (Marineris - Valles Marineris) พาดเหยียดยาวถึงหนึ่งในสี่ของเส้นทางรอบโลกทะเลทรายอันเย็นจัดนี้ (หมายถึงดาวอังคาร) มันเกิดขึ้นนานมาแล้ว ในขณะที่เปลือกของดาวเคราะห์ใหม่มีรอยแยก ที่อื่น ๆ เป็นที่ราบฝุ่นโรยด้วยก้อนหินและภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ดับแล้ว รวมทั้งภูเขาไฟโอลิมปัส (Olympus Mons) ภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ

หุบเลวลึกแวลเลส มาริเนริส (Valles Marineris Canyon) ของดาวอังคาร ยาวถึง 2,500 ไมล์ (4,000 กิโลเมตร)


ดวงจันทร์ของดาวอังคาร คือ โฟบอส (Phobos) และ ไดมอส (Deimos) ครั้งหนึ่งเคยเป็นดาวเคราะห์น้อย


ลุ่มแม่น้ำที่มีน้ำท่วมถึงอันเต็มไปด้วยหิน
ดาวอังคารไม่ได้เป็นทะเลทรายไปเสียทั้งหมด ก้นแม่น้ำที่แห้งแล้งแสดงให้เห็นว่า ที่นี่ มีน้ำไหลมาเป็นเวลานานแล้ว น้ำท่วมพัดพาก้อนหินไปทั่วแผ่นดินและทิ้งก้อนหินเหล่านี้ไว้ในที่ราบที่มีน้ำท่วมถึง เช่นเดียวกับด้านล่าง ดาวอังคารอาจจะเคยได้รับความอบอุ่นและมีความเปียกชื้นพอที่จะให้สิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการขึ้นมาได้


ภูเขาไฟโอลิมปัส (Olypus Mons) บนดาวอังคาร สูงถึง 14 ไมล์ (22 กิโลเมตร)

ข้อมูลโดยรวมของโลก
เส้นผ่าศูนย์กลาง .....................7,926 ไมล์ (12,756 กิโลเมตร)
อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ย………........................ 59 °F (15 °C)
หมุนรอบแกนหนึ่งรอบ............ .............. 23.9 ชั่วโมง
โคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ... ............... 365.3 วัน
จำนวนดวงจันทร์ .................................. 1
ข้อมูลโดยรวมของดาวอังคาร
เส้นผ่าศูนย์กลาง .................... 4,220 ไมล์ (6,792 กิโลเมตร)
อุณหภูมิพื้นผิวโดยเฉลี่ย  ............. - 81 ° F (-63 ° C)
หมุนรอบแกนหนึ่งรอบ ........................... 24.6 ชั่วโมง
หมุนรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ................... 687 วันโลก
จำนวนดวงจันทร์ .............................. 2



ดาวเคราะห์ชั้นใน

ดาวบริวารของดาวพฤหัสบดี



ลมที่เร็วที่สุดที่เรารู้จักกัน

ราชาแห่งดาวเคราะห์
ดาวพฤหัสบดีมีขนาดใหญ่เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ดวงที่ห้า และที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ  ความจริงแล้ว มันใหญ่มาก มวลของมันใหญ่กว่าดาวเคราะห์ทุกดวงรวมกันถึง 2.5 เท่า แรงโน้มถ่วงของมันรุนแรงมาก จนมีผลกระทบต่อการโคจรของดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ในระบบสุริยะ

อัตราการหมุนของดาวพฤหัสบดีเร็วมาก ทำให้กลุ่มควันบนพื้นผิวยาวเหยียดเป็นสายคาดตัวมัน มีจุด (พายุ) และระลอกอยู่ใกล้เคียงกลุ่มควันที่เป็นสายคาดหมุนเข้าด้วยกัน มียานอวกาศมากมาย รวมทั้งยานอวกาศกาลิเลโอ โคจรลงดาวพฤหัสบดี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1995 ถึง ปี ค.ศ. 2003 (พ.ศ. 2538 – 2547)

ระบบของดาวพฤหัสบดี
ดาวพฤหัสบดี ก็เหมือนกับพระราชาแวดล้อมรอบด้วยข้าราชบริพาร มีดวงจันทร์เป็นบริวารจำนวนมาก  ดวงจันทร์ชั้นใน ประกอบด้วยดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุด จำนวน 4 ดวง ดังในภาพ  แกนีมีด (Ganymede) ดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุด ใหญ่กว่าดาวพุธ  ดวงจันทร์ดวงอื่น ๆ ของดาวพฤหัสบดีส่วนมาก อาจจะเป็นดาวเคราะห์น้อยที่อยู่ในแรงโน้มถ่วงของดาวพฤหัสบดี

ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน
ดาวเนปจูน ดาวเคราะห์ดวงที่แปดและอยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุด ค้นพบในปี ค.ศ. 1846 (พ.ศ. 2389) นักดาราศาสตร์ได้สังเกตเห็นว่า ดาวยูเรนัสไม่ได้โคจรตามทางโคจร ดูเหมือนว่าจะมีวัตถุที่มองไม่เห็นดึงดูดไป นักคณิตศาสตร์ 2 คน คือ จอห์น คูช แอดัมส์(John Couch Adams) ชาวอังกฤษ และอูร์แบ็ง เลอ แวรีเย (Urbain Le Verrier) ชาวฝรั่งเศส ได้คำนวณว่าจะต้องมีดาวเคราะห์ที่ยังค้นไม่พบ อีกไม่กี่วันก็เห็นดาวเนปจูนจากหอดูดาวในเยอรมนี

ดาวเนปจูนมีขนาดเล็กกว่าดาวยูเรนัสและมีลักษณะสีฟ้า เพราะบรรยากาศมีก๊าซมีเทนมากขึ้น มีของเหลวร้อนและมีความหนาแน่นห่อหุ้มลึกลงไปและมีน้ำแอมโมเนียและก๊าซมีเทน นอกจากนี้ ดาวเนปจูนยังมีระบบวงแหวนซึ่งมองเห็นได้ลาง ๆ ดวงจันทร์ที่ใหญ่ที่สุด คือ ไทรทัน (Triton) คล้ายดาวพลูโตและมีแนวโน้มว่าจะถูกแรงโน้มถ่วงของดาวเนปจูนดึงดูดไว้ในการเผชิญหน้ากัน เมื่อหนึ่งพันล้านปีที่ผ่านมา

ลมที่เร็วที่สุดที่เรารู้จักกัน
เมื่อยานวอยเอจเจอร์ 2 (Voyager 2) บินผ่านดาวเนปจูนในปี ค.ศ. 1989 ได้ถ่ายภาพเมฆสีขาวถูกลมพัดเป็นทางยาวถึง 1,300 ไมล์ต่อชั่วโมง (2,100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) คือ ลมที่เร็วที่สุดในระบบสุริยะ สภาพอากาศที่เลวร้ายนี้ มนุษย์มีความคิดกันว่ามีพลังงานความร้อนจากภายในดาวเนปจูน เนื่องจากดาวเคราะห์ดวงนี้อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์มากเกินไปที่จะรับความอบอุ่นจากดวงอาทิตย์

ข้อมูลโดยรวมของดาวพฤหัสบดี
เส้นผ่าศูนย์กลาง ............... 88,846 ไมล์ (142,984 กิโลเมตร)
อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ย ............................. - 186 °F (-121 °C)
หมุนรอบแกนหนึ่งรอบ .......................... 9.9 ชั่วโมง
หมุนรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ .......................... 11.9 ปีโลก
จำนวนดวงจันทร์ ..................................... 67
ข้อมูลโดยรวมของดาวเนปจูน
เส้นผ่าศูนย์กลาง ............... 30,775 ไมล์ (49,528 กิโลเมตร)
อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ย .........- 330 ° F (-201 ° C)
หมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบ ............... 16.1 ชั่วโมง
หมุนรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบ............... 163.7 ปีโลก
จำนวนดวงจันทร์ ........................... 13




No comments:

ที่มา:
1. DK Smithsonian, Knowledge Encyclopedea, First American Edition, 2013 Published in the United States.
2. Wikipedia, The Free Encyclopedia